top of page

THE BROTHRS GRIMM

พี่น้องตระกูลกริมม์ (อังกฤษ: The Brothers Grimm;เยอรมัน: Die Gebrüder Grimm) Jacob Grimm (1785–1863) และ         Wilhelm Grimm (1786–1859) ทั้งคู่เป็นนักวิชาการชาวเยอรมัน เป็นที่รู้จักโด่งดังอย่างมาก จากผลงานการรวบรวมนิทานพื้นบ้านและเทพนิยาย นับว่าเป็นนักเล่านิทานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคู่หนึ่งในยุโรป ซึ่งทำให้เทพนิยายมากมาย แพร่หลายไปทั่วโลก เช่น Cinderella, The Frog Prince, Hansel and Gretel, Rapunzel, Rumpelstiltskin, Sleeping Beauty, Snow White เป็นต้น

และเราจะมาพูดถึงนิทานเรื่อง Rapunzel ค่ะ

Rapunzel

          มีสามีและภรรยาโดดเดี่ยวคู่หนึ่งอยากมีบุตรสักคน วันหนึ่งพวกเขาทราบว่าภรรยาจะมีลูก สามีเป็นสุขมากจนสัญญาว่าจะทำอะไรก็ได้ที่ภรรยาของเขาต้องการในทุกๆวัน เมื่อภรรยารอลูกเกิด เธอก็มองเห็นสวนดอกไม้อันงดงามข้างๆบ้าน ซึ่งเป็นสวนของแม่มดที่มีพลังอำนาจมหาศาล สวนนั้นเต็มไปด้วยดอกราพันเซลและภรรยาก็อยากทานสลัดแสนอร่อยที่ใช้ดอกนั้นเป็นส่วนผสมหลัก แต่เธอและสามีมีฐานะยากจนและดอกราพันเซลเป็นสิ่งที่ทำให้เธอนึกถึงความจนเสมอ เรื่องนี้ทำให้เธอเป็นทุกข์อย่างมาก สามีไม่สามารถทนมองภรรยาเขาเศร้า คืนนั้นเขาแอบเข้าไปในสวนของแม่มดและเด็ดเอาราพันเซลมาส่วนหนึ่ง เขานำมาให้เธอได้ทานสลัดดอกราพันเซล ภรรยาของเขาชอบมาก และในไม่ช้าเธอก็อยากทานอีก

          ครั้งที่สอง สามีแอบเข้าไปในสวนนั้นแต่ครั้งนี้แม่มดจับได้ สามีอ้อนวอนขอให้แม่มดยกโทษโดยอ้างว่าที่ทำไป ทำเพื่อให้ภรรยาที่มีครรภ์มีความสุข   ซึ่งเธออยากทานสลัดดอกราพันเซลมาก แม่มดไตร่ตรองสักพักหนึ่ง และบอกสามีว่า "เจ้าจะเด็ดไปเท่าไรก็ได้ แต่เมื่อภรรยาเจ้าคลอดลูก เจ้าต้องนำลูกของเจ้ามามอบให้แทน" สามีคิดว่าแม่มดคงจะลืมเขาเลยตอบตกลง แต่แม่มดไม่ได้ลืม เมื่อทารกเกิดแม่มดจึงไปนำตัวมา แม่มดตั้งชื่อทารกว่า "ราพันเซล" และเลี้ยงเธอเหมือนกับลูกสาวตัวเอง

          ราพันเซลเติบโตด้วยความสวยขึ้นทุกๆ ปี แม่มดคิดว่าราพันเซลต้องเป็นของเธอผู้เดียว เธอจึงนำราพันเซลไปขังไว้ในหอคอยสูง ไม่มีแม้แต่ประตู หรือบันได แม่มดขังราพันเซลจากโลกภายนอกไว้เป็นปีๆ แม่มดระมัดระวังมาก   เธอไม่ยอมแม้กระทั่งสร้างบันไดที่ปีนได้ แม่มดใช้วิธีอื่นแทน โดยเรียก "ราพันเซล ราพันเซล ปล่อยผมเธอลงมา" ราพันเซลก็ปล่อยเปียสีทองของเธอลงมาจากหอคอยสูง เพื่อให้แม่มดปีนขึ้นไป ราพันเซลรู้สึกเหงาในหอคอยมาก     เธอมีแค่นกทั้งหลายที่เป็นมิตรกับเธอและฟังเธอร้องเพลงทุกวัน

         วันหนึ่งเจ้าชายผู้หนึ่งได้ยินเสียงราพันเซลร้องเพลงเขาจึงขี่ม้าไปที่หอคอย และมองขึ้นไปเห็นโฉมงามที่หน้าต่าง ความรักเกิดขึ้นในหัวใจเขา    เจ้าชายกลับมาฟังราพันเซลร้องเพลงทุกวัน เขาพยายามที่ค้นหาวิธีหนึ่งที่จะบอกเธอเรื่องความรักของเขา วันหนึ่งเขาได้ยินแม่มดเรียกราพันเซล และเห็นเธอปีนผมเปียขึ้นไป วันต่อมาเจ้าชายปลอมเสียงเรียกแบบแม่มด และเมื่อราพันเซลทิ้งเปียลงมา เจ้าชายก็ปีนขึ้นไปข้างในหอคอย ราพันเซลตกใจเธอไม่เคยเจอใครมาก่อนนอกจากแม่มด แต่เจ้าชายพูดกับเธอด้วยความอ่อนโยน เขาบอกเธอว่าเขาได้ตกหลุมรักเธอ ราพันเซลฟังด้วยหัวใจของเธอ เธอยื่นมือของเธอให้เจ้าชายในการสมรส เจ้าชายมาเยี่ยมราพันเซลทุกๆ บ่าย และมอบดอกกุหลาบให้ภรรยาเขาทุกครั้ง ทั้งสองวางแผนในการหลบหนีออกจากหอ           ราพันเซลซ่อนแอบดอกกุหลาบทั้งหลายไว้ โดยแยกดอกแต่ละดอก ออกเป็นกลีบๆ และซ่อนไว้ในชุดของเธอ

          วันหนึ่ง เมื่อแม่มดมาเยี่ยม กลีบดอกกุหลาบได้ร่วงหล่นออกมาจากชุดของราพันเซล แม่มดเห็นและได้รับรู้ว่า ราพันเซลได้คบกับเจ้าชาย แม่มดจึงตัดผมเปียราพันเซล และส่งเธอไปอยู่ในป่า คืนนั้นเมื่อเจ้าชายเรียก แม่มดปล่อยผมเปียราพันเซลลง ระหว่างที่เจ้าชายกำลังปีนขึ้นไป เขาได้พบว่าภรรยาเขาไม่อยู่ในหอคอยแล้ว แม่มดจึงปล่อยผมเปียซึ่งทำให้เจ้าชายตกลงจากหอคอยสูง

          เจ้าชายร่วงหล่นตกลงบนขวากหนาม ที่ตำบาดเฉียดลูกตาของเขา       ซึ่งทำให้ตาเขาบอด เมื่อไม่มีตาที่มองเห็นได้และภรรยาแสนรัก เขาได้ท่องไปในที่ที่ความโชคร้ายจะพาเขาไป หลายฤดูผ่านไป และแล้ววันหนึ่งฤดูใบไม้ผลิ เจ้าชายได้ยินเสียงผู้หญิงร้องเพลง เขาเดินตามเสียงเพลงนั้น และเขาก็ได้พบราพันเซลและเธอมีลูกสองคนแล้ว ซึ่งเป็นลูกของเขาทั้งสองนั้นเอง ราพันเซลได้คลอดฝาแฝดของเจ้าชายในป่าโดยลำพัง ราพันเซลร้องไห้ด้วยความสุข และน้ำตาเธอที่เปี่ยมไปด้วยรักแท้ได้รักษาดวงตาของสามี อำนาจร้ายของ   แม่มดก็ได้มลายหายไป

         ในที่สุด ครอบครัวได้หลุดจากความโศกเศร้าและความอ้างว้าง พวกเขาได้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรของเจ้าชายด้วยความสุข และเติมเต็มชีวิตพวกเขาที่เหลือไปด้วยรักและเสียงหัวเราะตลอดกาล

          ราพันเซล เป็นเรื่องราวความรักที่ถูกกีดกัน  ผ่านความทุกข์ทรมานมามากมาย กว่าจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขนั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน

          ประโยคที่ทำให้ประทับใจจึงเป็นประโยคในช่วงสุดท้าย ที่กล่าวว่า  "ครอบครัวได้หลุดจากความโศกเศร้าและความอ้าง- ว้าง พวกเขาได้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรของเจ้าชายด้วยความสุข และเติมเต็มชีวิตพวกเขาที่เหลือไปด้วยรักและเสียง-  หัวเราะตลอดกาล"

 

          เหตุผลเพราะว่า คนเราทุกคน ก่อนจะมีความสุข หรือ จะรู้จักคำว่าความสุข อย่างลึกซึ้งนั้น มักต้องผ่านความทุกข์ยากต่างๆนาๆ และความทุกข์ระหว่างทางที่ผ่านนั้นมักจะพิสูจน์ว่าใครจะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเราไปตลอด เมื่อความทุกข์ผ่านไป และมีเรื่องดีๆเข้ามาในชีวิต แม้มันจะสั้นหรือยาวมันก็คือความสุข

          ทุกชีวิตนั้นหวังว่าวันหนึ่งตนจะได้รับความสุข ความรัก เหมือนในตอนจบของนิทานเรื่องนี้... ตอนจบของนิทานเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้จริงๆบนโลกนี้ แต่ขึ้นอยู่กับความพอเพียง ในคำว่า "สุข"

 

HAPPY ENDING

bottom of page